Connect with us

PINGBOOK

KOREA

เรน (RAIN) เผย ‘ผมผ่านช่วงเวลาแห่งความสิ้นหวังมาได้ เพราะคิดถึงคุณแม่’ (2009-11-09)

9 พฤศจิกายน 2552 เวลา 11.00 น. โรงแรมล้อตเต้ กรุงโซล เรน (Rain) นักร้องนักแสดงชื่อดังร่วมงานแถลงข่าวภาพยนตร์เรื่อง ‘Ninja Assassin’ อย่างเป็นทางการ


งานแถลงเปิดตัวภาพยนตร์ ‘Ninja Assassin’ ในวันนี้มีบรรดาสื่อมวลชนเข้าร่วมเป็นจำนวนมาก จากทั้ง สิงคโปร์ ฮ่องกง ไทย และอีกกว่า 9 ประเทศรวมกว่า 50 สำนัก ยังไม่นับสื่อในเกาหลีอีกกว่า 150 สำนักที่ได้มาร่วมทำข่าวกันอย่างคึกคักเลยทีเดียว


เรน เตรียมพร้อมการเป็นตัวละคร ไรโซ่ ด้วยการฝึกร่างกายวันละ 6 ชั่วโมงตลอดระยะเวลากว่า 6 เดือน อีกทั้งก่อนเริ่มถ่ายทำเขาก็ได้รับการเข้าฝึกศิลปะการต่อสู้อีก 5 ชั่วโมง ในขณะเดียวกันก็ยังต้องเข้าฟิตเนสอีกวันละ 1 ชั่วโมงอีกด้วย


เรนยังเปิดเผยอีกด้วยว่าตลอดระยะเวลาการถ่ายทำภาพยนตร์ ‘Ninja Assassin’ กว่า 8 เดือนเขามีช่วงเวลาแห่งความยากลำบากและต้องการจะเดินทางกลับมายังเกาหลี


เขากล่าว “ในระหว่างการถ่ายทำภาพยนตร์เรื่องนี้ ผมมักมีความคิดว่าถ้าได้กลับมายังเกาหลีผมคงจะได้แสดงคอนเสิร์ตหรือถ่ายละครแบบสบายๆ เพราะผมไม่รู้มาก่อนเลยว่าการถ่ายภาพยนตร์เรื่องนี้มันจะต้องมีช่วงเวลาที่ยากลำบากถึงขนาดนี้ครับ แต่ทุกๆครั้งที่ผมมีความคิดแบบนั้น ผมก็คิดได้ว่าผมเคยให้สัญญากับแฟนๆว่า ‘หลังจากที่ผมมีผลงานภาพยนตร์ที่ได้ฉายไปทั่วโลกแล้ว ผมจะกลับมาอีกครั้ง’ ซึ่งเพราะแบบนี้มันเลยทำให้ผมไม่สามารถล้มเลิกความตั้งใจนี้ได้ครับ รวมถึงทีมงานยังพูดกับผมตอนที่ผมยกน้ำหนัก 100 กิโลกรัมด้วยว่า ‘อะไรกันแค่นี้หมดแรงแล้วเหรอ’ ‘ตั้งแต่ผมเคยสอนแมตต์เดม่อนหรือแบรดพิตต์มาเนี่ยคุณดูแย่ที่สุดเลย แย่กว่านักแสดงหน้าใหม่อีกนะ’ ซึ่งนั่นมันได้กลายมาเป็นยาให้กับผม ท่ามกลางความขมขื่นครับ หลังจากนั้นผมเลยไปค้นคว้าเรื่องการเคลื่อนไหวของผมอย่างต่อเนื่องครับ หนังแอ็คชั่นผมไปขนมาดูหมดเลยครับ ทั้งเฉินหลง บรูซลี หรืออะไรต่อมิอะไร แล้วพอได้ดูผมก็คิดว่าต้องทำแบบนั้นให้ได้ เพื่อไรโซ่แล้วผมใส่ใจมากครับ ที่ผมพยายามอย่างหนักเพราะว่าความทรนงในตัวเองครับ และนี่ยังไม่รวมถึงเมื่อผมไปเห็นข้อความของแอนตี้ที่เขียนว่าร้ายผม มันก็เลยทำให้ผมให้สัญญากับตัวเองว่า ‘แล้วคอยดูละกัน’ เพื่อที่จะลบคำสบประมาทเหล่านั้นครับ” เขากล่าว



เรนกล่าวต่อ “ต้องกัดฟันตลอดครับ มีชีวิตอยู่ก็เหมือนตายเลยครับ ภาพยนตร์เรื่องนี้มันเป็นแบบนั้นจริงๆ และกว่า 90% ของฉากที่ต้องใช้ตัวแสดงแทนผมก็ลงทุนแสดงเองเลยครับ เพื่อทำให้ตัวเบาผมต้องลดน้ำหนักลงให้หมดครับ เป็นช่วงเวลาแห่งความสาหัสจริงๆครับ” เขากล่าวอธิบาย


เรน ได้ผ่านช่วงเวลาแห่งความหมดหวังมาได้ก็เพราะการได้คิดถึงแม่ของเขา เรนกล่าว “แม่ของผมต้องออกไปทำงานตั้งแต่ตี 5 กว่าจะกลับมาบ้านก็ตี 1,2 เป็นเวลานับสิบปี ท่านทำเพื่อผมและน้องชายครับ พอผมคิดถึงแม่ในเรื่องนี้ผมก็คิดกับตัวเองว่า ‘เรื่องที่เราเจอมันยังไม่ถึงเสี้ยวเลย’ และนั่นทำให้ผมเดินมาจนถึงวันนี้ได้ครับ”


เรน เข้าสู่วงการภาพยนตร์ฮอลลีวู้ดด้วยผลงานเรื่อง ‘Speed Racer’ ตามมาด้วย ‘Ninja Assassin’ ซึ่งเป็นที่ที่ทำให้เขาได้พบกับสองผู้กำกับอย่าง Andy และ Larry Wachowski เรนเปิดเผยว่า “ทั้งคู่เป็นคนที่มีจินตนาการที่ถ่ายทอดออกมาในความจริงได้ยอดเยี่ยมมากครับ อีกทั้งเขายังเป็นคนที่สามารถทำให้ภาพในผลงานออกมาได้ตรงตามสัญญาที่เคยให้ไว้ด้วยครับ” เขากล่าวชื่นชม


เขากล่าว “แอนดี้และแลรี่เคยบอกกับผมว่า ‘ให้ลืมตัวป็อปสตาร์เรน และให้ลืมตัวตนของจองจีฮุน ตอนนี้คุณคือนักฆ่าที่ใช้ศิลปะในการต่อสู้’ ตลอดระยะเวลากว่า 8 เดือนที่ผมใช้ชีวิตในร่างของนักฆ่า ผมต้องออกจากบ้าน 7 โมงเช้าและถ่ายภาพยนตร์จนถึง 4 ทุ่ม หลังจากนั้นก็ต้องเข้าคอร์สอีกจนถึงกลางดึก เลยครับ” เสริม “พอผมได้ดูภาพยนตร์ตอนเสร็จแล้ว ผมหาตัวตนของนักร้องเรนหรือจองจีฮุนในนั้นไม่เจอเลยครับ และมันก็ทำให้ผมรู้สึกพอใจมากๆ” เรนกล่าว



หลังจากผลงานเรื่องนี้แล้วมีโอกาสที่จะทำภาคต่อหรือไม่ เขาเปิดเผยว่า “ตอนนี้ผมมีสัญญาอยู่และในนั้นก็มีรายละเอียดข้อห้ามบางอย่างเป็นเงื่อนไขทำให้ผมพูดอะไรมากไม่ได้ครับ” เสริม “ถ้าแฟนๆทุกคนให้การตอบรับผลงานเรื่องนี้กันเป็นอย่างดี ผมก็คิดว่าอาจจะมีผลงานภาคต่อออกมาก็ได้นะครับ” เขากล่าว


เรนยังกล่าวด้วยว่าในชีวิตนี้เขาได้รับโอกาสที่เปลี่ยนชีวิตของเขาถึง 3 ครั้งด้วย


“ในชีวิตของผม ผมได้รับโอกาสมา 3 ครั้งแล้วครับ ครั้งแรกคือตอนได้พบกับพี่จินยอง(พัคจินยอง), ครั้งที่ 2 คือได้พบกับพี่น้องวาโชสกี้ และครั้งที่ 3 คือการได้รับข้อเสนอให้ร่วมงานกับพวกเขาใน Ninja Assassin ครับ” เขากล่าว


เรนยังกล่าวถึงการมีผลงานการแสดงใน ‘Ninja Assassin’ อีกด้วยว่า “ผมรู้สึกดีใจนะครับกับโอกาสที่จะได้เป็นที่รู้จักในฮอลลีวู้ดและรวมไปถึงทั่วโลกด้วย” เสริม “ถ้า Ninja Assassin ประสบความสำเร็จผมคิดว่าก็น่าจะมีนักแสดงในเกาหลีได้รับข้อเสนอให้ร่วมงานด้วยอีกมากครับ อย่างไรก็ตามวลีที่ว่า ‘กรุงโรมไม่ได้สร้างเสร็จในวันเดียว’ มันก็แล่นเข้ามาในหัวผมครับ เพราะภาพยนตร์เรื่องนี้ไม่ใช่แนวครอบครัวแต่เป็นแนวเกี่ยวกับเลือดและการล้างแค้น เลยน่าจะเน้นไปที่กลุ่มชอบความสะใจครับ ตอนนี้สำหรับ Ninja Assassin ผมก็ไม่ได้คิดว่าจะต้องขึ้นแท่นบ็อกอฟฟิสหรืออะไรนะครับ หลังจากนี้คงต้องค่อยเป็นค่อยไปจนกว่าจะถึงวันนั้นครับ ณ ตอนนี้การคิดว่าแค่ได้มีโอกาสในผลงานเรื่องนี้ก็รู้สึกดีมากๆแล้วครับ” เขากล่าว



‘Ninja Assassin’ เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับ ไรโซ่ (เรน) หนึ่งในบรรดานักฆ่ามือพระกาฬของโลก เขาถูกจับตัวไปตั้งแต่ยังเด็ก และถูกสร้างให้กลายเป็นนักฆ่ามืออาชีพโดย โอซูนุ แคลน กับกลุ่มลับที่เชื่อกันว่ามีเพียงในเรื่องปรัมปรา แต่เขาถูกหลอนด้วยการที่แคลนสังหารเพื่อนของเขาอย่างโหดเหี้ยม ไรโซ่จึงหนีพวกเขาไปสู่อิสรภาพและหายตัวไป ตอนนี้เขารอคอย และเตรียมที่จะลงมือแก้แค้น


ในเบอร์ลิน สายสืบยูโรโพล มิค่า คอเรตติ (นาโอมี แฮร์ริส) สะดุดเข้ากับร่องรอยของเงินที่โยงการฆาตกรรมทางการเมือง เข้ากับเครือข่ายใต้ดินของพวกมือสังหารที่ไร้ร่องรอยจากตะวันออกไกล มิค่าท้าทายคำสั่งของไรอัน แมสโลว์ (เบน ไมล์ส) ซึ่งเป็นผู้บังคับบัญชา เธอขุดลึกลงไปในแฟ้มลับสุดยอด เพื่อได้รู้ถึงความจริงเบื้องหลังการฆาตกรรม การสืบสวนที่ทำให้เธอตกเป็นเป้าหมาย และโอซูนุ แคลนส่งทีมนักฆ่า ซึ่งนำโดยทาเคชิ (ริค ยูน) มาเพื่อปิดปากเธอตลอดไป ไรโซ่ ช่วย มิค่าจากบรรดาผู้ปองร้าย แต่เขารู้ดีว่าแคลนจะไม่มีวันหยุดนิ่งจนกว่าเขาทั้งคู่จะถูกกำจัด ด้วยชีวิตที่แขวนอยู่กับเกมแมวไล่หนูตามถนนของยุโรป ไรโซ่และมิค่าจะต้องเชื่อใจกันและกันหากยังหวังจะเอาชีวิตรอด และโค่นล้มโอซูนุ แคลนผู้ลึกลับลงให้สำเร็จ


‘Ninja Assassin’ เตรียมเข้าฉายในประเทศไทยวันที่ 26 พฤศจิกายน 2552

Continue Reading
You may also like...
Click to comment

Leave a Reply

More in KOREA

To Top